ไตรภาค ตาที่สาม : ภาคแรก แสงใหม่

๑.
มืดสลัวมัวมนหม่นหมองจิต
แต่ก็ยังได้สนิทเสน่หา
มาเปิดฉากแห่งรักสลักอุรา
กันดีกว่านะน้องอย่าหมองเมิน

๒.
ฝันในคืนกลางฤดูร้อน

๓.
สองคน ยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม
คนหนึ่ง ตาแหลมคม เห็นดวงดาวอยู่พราวพราย
สุภาษิตอังกฤษ เขียนโดย เฟรเดอริก แลงบริดจ์ แปลโดย เจษฎาจารย์ ฟ. ฮีแลร์

๔.
ราตรีมีจันทร์อันอำไพ
ไม่เห็นโฉมประโลมใจยิ่งมืดมน!
พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6

๕.
สุดจะถวิลจินตนา
ภาพมันพาให้งุนงง
แต่กระนั้นก็ยังคง
งานระยับจับนัยย์ตา

๖.
เรืองรองราย ระยับ สลับสี
ดุจมณี นพรัตน์ จำรัสแสง
เหมือนภาพ นิมิตฝัน อันเคลือบแคลง
โศลกแดง แฝงใน ดวงใจเรา

๗.
แววดาวพราวแสงแจงจรัส
เจิดรัศมีขาวราวเคลิ้มฝัน
ปรากฏก้านกิ่งฟ้าวิลาวัณ
ดั่งสวรรค์สรรสร้างทางรักเอย…

๘.
มิติแห่งจิตนาการ!
สู่สายธารแห่งห้วงรำพึง

๙.
ปรัศนีแห่งกาลเวลา

๑๐.
เก็จก่องละอองดาวพราวราตรี
รัศมีลานตาดาราราย!

๑๑.
ห้วงนภา เวหาหาว

๑๒.
หิ่งห้อยน้อย พร้อมพราย ในใจข้าฯ
วิบวิบวับ จับตา ผวาฝัน
หวิวหวิวหวั่น พรั่นใจ อะไรกัน
โคมสวรรค์ หรือไฉน ใครรู้เอย…

๑๓.
เฉิดฉาย พรายพรรณ ในฝันหวาน

๑๔.
ในฝันเห็นจันทร์อันแสกเสี้ยว
ดาวพระศุกร์โดดเดี่ยวเปลี่ยวไกลแสน
ทำไฉนจะไปถึงซึ่งเมืองแมน
อันเป็นแดนดาวเดือนเกลื่อนนภา

๑๕.
ดวงตาสวรรค์

๑๖.
ในคืนอันมืดสนิท มีแค่ดาวดวงเดียว
ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเสียเลย …
(คิง โซโลมอน’ส มายน์ส ของ เซอร์เฮนรี่ ไรเดอร์ แฮกการ์ด)

๑๗.
เจิดจรัส สุกสกาว ดาวพระเสาร์

๑๘.
เด่นดวง-ดาริกา
สุดจะคว้า มาเชยชม

๑๙.
ลำแสงแห่งศรัทธา
เมื่อทิวาจรดราตรี

๒๐.
จุดปฏิสนธิ

๒๑.
จันทร์เพ็ญ เด่นอำไพ เฉิดไฉไล ในนภา
เรืองระยับ นัยนา สุดจะคว้า มาแนบใจ

๒๒.
ในห้วงแห่งนิมิต ในชีวิตแห่งความฝัน

๒๓.
หมอกเพลิงเถลิงโรจน์

๒๔.
ราตรีประดับดาว น้ำค้างพราวเย็นยะเยือก

พนมเทียน
๒๕๕๖


แปลโดย ดร.นวมินทร์ วิทยกุล และ MANASCHUEN
ไตรภาค ตาที่ 3 : ตอนแรก แสงใหม่, กรุงเทพ ประเทศไทย: สำนักพิมพ์เซรินเดีย, ๒๕๕๖








3rd Eye Trilogy : The New Dawn

1.
In the darkness of the night,
The darkened hearts grow closer.
Let our love duet begin,
And not shun this passion.

2.
A midsummer night’s dream.

3.
Two men peering through the prison window.
The first sees mud and sorrow.
The other, with a sharper mind and eye,
Sees thousands of stars in the sky.
(Frederick Langbridge: “Two men look out the same prison bars; one sees mud the other stars.”)

4.
Up high in the sky, the moon shines its light.
When you are out of sight, my heart turns dark as night.
(from one of King Rama VI’s poems)

5.
So much to imagine, while being amused,
The vision has me dazed and confused.
But whatever you see with your eyes,
Will twinkle and shine brightly for a while.

6.
Luminous, iridescent, and shimmering,
Like jewels and gemstones dazzling,
Like alluring and dreamy visions full of art,
Like passionate poems hidden in my heart.

7.
Luminous star of the night,
Its glowing white light is dreamlike.
Brightly illuminating the path of love,
Incised by Heaven’s hand.

8.
The magnitudes of imaginations!
To the streams of reminiscence.

9.
The riddles of time.

10.
Stardust diffuses in the night sky.
Its celestial light brightens our eyes!

11.
In the scope of the sky, in the breadth of the wind.

12.
In my heart, fireflies flutter and flicker.
Like a dream, they twinkle and glimmer.
Why do these lights gleam and glow?
Are they heaven’s lanterns? Does anyone know?

13.
Shining and shimmering in sweet reveries.

14.
I saw the moon’s sickle in the dreamland.
A lonely Venus shines in the distance.
How can I reach that promised paradise?
Where the moon and stars glitter all night.

15.
Heaven’s eye.

16.
On a dark night a single star is better than nothing.
(from Sir Henry Rider Haggard’s King Solomon’s Mines)

17.
Saturn - brilliant and brightly beaming.

18.
Bright dazzling star,
Unattainable,
Out of reach.

19.
The light of faith comes,
When night and day become one.

20.
The point of conception.

21.
The full moon glows bright in the sky.
Spectacular radiance dances beyond our grasp.

22.
In the realm of reveries, in the existence of fantasies.

23.
A flare of fire flaming ferociously.

24.
A thousand stars fill up the night.
Dew drops sparkle but are cold as ice.

Phanomtien, National Artist
2013


English translation by Navamintr Vitayakul Ph.D. , MANASCHUEN
3rd Eye Trilogy : The New Dawn, Bangkok, Thailand: Serindia publications, 2013








Civilisation

โลกที่เรายืนอยู่และเหยียบย่ำ
แสงเงาอารยธรรมสะท้อนไหว
ป่าปูนเปลือกหนาปิดตาใจ
เนื้อในตัวตนมืดมลเมือง
ยิ่งสร้างยิ่งทรุดผุดเพื่อพ่าย
พลุกระจาย..สลายลับดับฝันเฟื่อง
แสงจันทร์ส่อง มองฟ้าอย่าแค้นเคือง
อีกบทเบื้องชีวิตยังติดดิน

จิระนันท์ พิตรปรีชา
๒๕๕๒ / 2009


Civilisation. กรุงเทพ ประเทศไทย, 2009







Impromptu

ดีด สี ตี เป่า
สุข เศร้า เงา แสง
พลิ้ว อ่อน ร้อน แรง
โลกแหล่ง ผู้คน ดนตรี

ในภาพมีคีตการกังวานไหว
และในใจทอภาพทาบเสียงสี
แผดลีลาโหยไห้ในชีวี
เพียงวลีแผ่วหายคล้ายเงาเคลือบ

เก็บห้วงยามโลดแล่นบนแผ่นภาพ
ชัตเตอร์วาบ กดใหม่คงไม่เหมือน
อิมพรอมตู - ครู่ขณะจะลบเลือน
ภาพตามเตือน “ความผันแปรคือแน่นอน”

จิระนันท์ พิตรปรีชา
๒๕๕๒ / 2009


Impromptu. กรุงเทพ ประเทศไทย, 2009







Impromptu

หลุยส์ อาร์มสตรอง โยนทรัมเป็ตทิ้ง
แล้วตะโกนใส่หูฉัน
ขอต้อนรับสู่บ้านของข้าพเจ้า
บ้านที่เคยถูกเหยียบ
โดยตีนของผู้มีเลือดเป็นน้ำองุ่น
และเคยถูกบดขยี้
ด้วยนิ้วมือของผู้ที่ชอบฆ่าวัวกระทิง
บ้านของข้าพเจ้าพร้อมเสมอ
ไม่ว่าแขกผู้มาเยือนจะมาเยี่ยงไร
บ้านของข้าพเจ้าก็พร้อม
จะยื่นแก้มซ้ายให้ท่านตบ
แล้วยื่นแก้มขวา
ให้ท่านตบแรงกว่าเก่า
แต่ในขณะที่ถ่ายมาเยือน
ข้าพเจ้าขออนุญาตหยุดเล่นทรัมเป็ต
แต่จะเล่านิทานให้ท่านฟัง
เกี่ยวกับดนตรีที่เรียกว่าแจ๊ซ
เกี่ยวกับสามคอร์ดที่ท่านเรียกว่า บลูส์
เกี่ยวกับเสียงสวรรค์ในซ่องกระหรี่
มันเป็นเสียงที่ทำให้เกิดความหวัง
แม้จะรู้ว่าไม่จริง
แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรให้คนึงถึง
บ้านของข้าพเจ้าคือบ้านของแจ๊ซ
แต่ในขณะนี้ จะว่าไปแล้ว
โลกทั้งโลกคือบ้านของแจ๊ซ
เสียงจากซ่องกระหรี่ได้ดังกังวาน
ไปทั่วทุกสารทิศ
ไปสู่หูของเกษตรที่เพิ่งหย่ากับเมีย
ไปสู่หูของทหารที่รอดตายในอุบัติเหตุทางน้ำ
ไปสู่หูของรัฐมนตรีผู้เป็นหมัน
ไปสู่หูของจิตรกรแขนด้วน
ไปสู่หูของเด็กนักเรียนที่มีเซ็กซ์ก่อนวัยอันควร
เสียงสวรรค์จากซ่องกระหรี่
ได้สร้างตำนานด้วยตัวของมันเอง
ได้ทำให้โลกประจักษ์
ในร่องรอยของการมีความหวัง
ที่แม้เป็นแค่แสงที่ปลายไม้ขีดไฟ
แต่ก็สามารถเผาบ้านได้ทั้งหลัง

ตุล ไวฑูรเกียรติ
๒๕๕๒ / 2009



Impromptu. กรุงเทพ ประเทศไทย, 2009







Impromptu

ข้าพเจ้าเพลินฟัง ตั้งแต่จำความได้
ดนตรี - นำพา ค้นหา
หลากมิติแห่งห้วงอารมณ์
บางครั้งก็ทำให้ลืมตัวตน
บางครั้งต้องเผชิญหน้ากับตัวตน
ลีลาจังหวะจะเศร้าหรือสุข
เมื่อรู้สึกสัมผัสได้
ย่อมรู้ค่าความหมาย
อารมณ์ - แง่งามของความเป็นมนุษย์
อิสระ - ความรู้สึกนึกฝันส่วนตัว
ลึกล้ำ อ่อนไหว ไร้พันธนาการ
ดนตรีสอนให้ข้าพเจ้าเข้าใจว่า
ควรเป็นผู้เสพย์ที่ดี
ก่อนเป็นผู้สร้างที่ดี
ฟัง - จนกว่าจะได้ยิน
มอง - จนกว่าจะเห็น
เปิดหู เปิดตา เพื่อเปิดใจ
แจ๊ซ คือทางเลือกอีกหนึ่งกระแส
พลังเสียงแห่งการสร้างและเสพ
อิมพรอมทู - ภาพดนตรี นาที"ด้นสด"
คือจังหวะชั่วขณะของชีวิต
ฟัง - จนกว่าจะมองเห็น
ข้าพเจ้ากับโลกหลังเลนส์
ล้วนเป็นผลผลิตจากเสียงเพลง

ปิยทัต เหมทัต
๒๕๕๒ / 2009



Impromptu. กรุงเทพ ประเทศไทย, 2009







มชฌิมปภา (มัด-ชิ-มะ-ปะ-พา)
Welcome to Verve

ณ จุดบรรจบ
คืน - วัน
ฝัน - จริง
ทุกข์ - สุข
ดี - เลว
มืด - สว่าง
ดำ - ขาว

แสงและเงา
ดูดกลืนกันและกัน
ขีดเส้นแบ่งบางเบา
ที่เราก้าวข้าม
ไม่รู้ตัว

เมื่อมองสองด้าน
ลอดบานประตู
ใจจึงหยั่งรู้
ที่มา - ทางไป

เปิดแง้มให้มอง
แสงส่องให้คิด
ในมุมมืดมิด
ยังมีทางไป

จะเปิดหรือปิด
ชวนคิดตรองดู
แสงเงาใต้ประตู
เส้นแบ่ง บาง เบา

จิระนันท์ พิตรปรีชา
๒๕๕๑ / 2008


มชฌิมปภา (มัด-ชิ-มะ-ปะ-พา) Welcome to Verve.กรุงเทพ ประเทศไทย ,2008